ชัยวุฒิ เผยกระทรวงดีอีเอส ปิดลาซาด้า ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอำนาจศาล รวบรวมหลักฐานเอาผิดผู้ผลิต ผู้รับจ้าง คนแสดง ต่อไป นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ได้ออกมาพูดถึงกระแสข่าวที่มีการรายงานว่าทางดีอีเอสจะ ปิดลาซาด้า ว่าการปิดแพลตฟอร์มลาซาด้า โดยกฎหมายนั้นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่มีหน้าที่ ปิดลาซาด้า หรือ แบนลาซาด้า ได้โดยตรง เป็นอำนาจของศาลที่จะต้องพิจารณาไปตามกระบวนการยุติธรรม
ในส่วนของ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลเท่านั้น แต่จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า มีความผิดจริง มีผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งผู้ผลิต ผู้จ้าง ผู้รับจ้าง คนแสดง คนโพสต์ และคนแชร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทางกระทรวงฯจะส่งไปให้ศาลพิจารณาความผิดและลงโทษไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ขณะที่การแสดงออกของหลายหน่วยงานที่ร่วม แบนลาซาด้า นั้น เห็นว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ
หากลาซาด้าใช้สิทธิทำเรื่องดังกล่าว คนไทยก็มีสิทธิที่จะต่อต้าน พร้อมเรียกร้องไปยังต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ควรเข้าใจบริบทของสังคมไทยและต้องทำตามกฎหมายของไทย และให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนไทยด้วย
ทั้งนี้ การใช้น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC เด่น ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยบางรายมีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC สูงกว่าผลิตภัณฑ์เดิมที่มีความเข้มข้น 13 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้าย องค์การเภสัชกรรมจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันสารสกัดกัญชาสูตรใหม่ที่มี THC เข้มข้น 81 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร เพื่อใช้เป็นการรักษาเสริมในภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัดผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดในระดับปานกลางจนถึงรุนแรงซึ่งผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ปัจจุบันคณะอนุกรรมการประเมินรายการยาได้พิจารณาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร และอยู่ระหว่างขั้นตอนการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป นับเป็นยาจากกัญชารายการที่ 4 ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ที่ได้บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร
นอกจากนี้ องค์การเภสัชกรรม ยังร่วมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการรวม 12 แห่ง ในการเตรียมความพร้อมทางด้านวัตถุดิบและกำลังการผลิตรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากกัญชาและกัญชง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้ได้อย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนกัญชาและกัญชงให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประชาชนเข้าถึงได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการรักษาอย่างมีมาตรฐาน
ตำรวจ เตรียม ดำเนินคดีลาซาด้า ปมโฆษณาไม่เหมาะสม อย่างน้อย 3 ราย
ตำรวจเผยเตรียม ดำเนินคดีลาซาด้า ปมโฆษณาไม่เหมาะสม อย่างน้อย 3 ราย เตือนบริษัททำการตลาด ต้องดูเรื่องสิทธิและหน้าที่ด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงถึงกรณีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มขายสินค้า ลาซาด้า (LAZADA) ที่ได้ทำโฆษณาไม่เหมาะสม นำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนไปถึงการสั่งแบนลาซาด้าจากกองทัพและบางหน่วยงาน
โดย พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้ติดตามบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ทราบว่ามีการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวออกไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการนำเสนอสินค้าที่มีเนื้อหาพาดพิงไปยังบุคคลที่มีอาการเจ็บป่วย มีความบกพร่องหรือความไม่เท่าเทียม
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นอย่างน้อย 3 ราย ทั้งบริษัทผู้ผลิตเนื้อหา, บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มที่เป็นผู้เผยแพร่, รวมถึงตัวนักแสดง ซึ่งจะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน และนำคำให้การมาประกอบพยานหลักฐานว่าใครจะเข้าข่ายความผิดอย่างไรบ้าง
“ตำรวจไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผู้เสพสื่อออนไลน์ก็เห็นอยู่แล้วว่าการกระทำนี้เหมาะสมหรือไม่ แม้บริษัทผู้ผลิตเนื้อหาจะมีการออกแถลงการณ์แล้ว แต่เมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะความผิดที่เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมายเรื่องความมั่นคง ก็ต้องดำเนินตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทอาจทำเพื่อการตลาด แต่ก็ต้องดูเรื่องสิทธิและหน้าที่ด้วย อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว
เมื่อถามว่า 3 เหล่าทัพ มีการออกคำสั่งแบนไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งเพราะตำรวจถือว่ามี 2 สถานะ คือ ผู้บังคับใช้กฎหมายและประชาชนทั่วไป ซึ่งในฐานะประชาชนทั่วไปก็ต้องให้พิจารณาไตร่ตรองเอาเองว่าจะปฏิบัติยังไงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงไม่ถึงขั้นต้องมีคำสั่งไปห้ามปราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจาก สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย (สวท.) ระบุว่า การยุติการตั้งครรภ์โดยการทำแท้งเถื่อน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ได้รับบาดเจ็บ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย จากรายงานสถานการณ์
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป