เผยที่มาทรัพย์สิน พิยดา มอบตัวแล้ว ปฏิเสธทุกข้อหา ยันไม่เคยหลอกขายมือถือให้น้องก้อง

เผยที่มาทรัพย์สิน พิยดา มอบตัวแล้ว ปฏิเสธทุกข้อหา ยันไม่เคยหลอกขายมือถือให้น้องก้อง

พิยดา มอบตัวแล้ว แต่ปฏิเสธทุกข้อหา ยันไม่เคยหลอกขายมือถือให้น้องก้อง จนเครียดเส้นเลือดในสมองแตกตาย เผยที่มาทรัพย์สิน มาจากขายของออนไลน์ ไม่รู้จักคนรับจ้างเปิดบัญชีม้า รายงานความคืบหน้าข่าว น.ส. พิยดา ทองคำพันธ์ ล่าสุด จากกรณีโดนออกหมายจับ ที่ 638/64 วันที่ 24 ก.ย.2564 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ คดีฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าของร้าน Phonebymint จากกรณีสะเทือนใจสังคม น้องก้องถูกหลอกขายมือถือ จนเครียดเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต ซึ่งต่อมาได้มีชาวเน็ตแห่ขุดประวัติ พิยดา และพบว่าน้องก้องไม่ใช่เหยื่อเพียงรายเดียว รวมมูลค่าความาเสียหายนับ 10 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ ปปง. ได้อายัดบัญชีและยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ 28 ก.ย. 2564 มีรายงาน พิยดา มอบตัวแล้ว 

ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้น น.ส. พิยดา ให้การปฏิเสธทุกข้อหา แต่ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดย สวพ.FM91 รายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.พิยดา ระบุว่า เป็นแม่ค้าออนไลน์จริง และเคยขายมือถือจริง แต่หยุดขายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่เคยคุยและไม่เคยหลอกน้องก้อง วัย 14 ปี ส่วนที่มาทรัพย์สินทุกอย่างได้มาจากการขายของออนไลน์เท่านั้น

ส่วนประเด็น บัญชีม้า ที่มีหญิง 2 รายถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และซัดทอดว่าเป็นเพียงผู้รับจ้างเปิดบัญชีให้ น.ส. พิยดาปฏิเสธว่าไม่ได้รู้จัก อนึ่ง คดีฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ แม้ว่าผู้ต้องหาจะคืนเงินให้ผู้เสียหายแล้วก็ตาม พิยดา บอสใหญ่ Phonebymint เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เบื้องต้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปัดไม่รู้จักผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ น.ส.พิยดา ผู้ต้องหาโกงขายมือถือออนไลน์ให้กับ น้องก้อง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนทำให้น้องเกิดความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก​ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่

โดยเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำ พร้อมประสานตำรวจไซเบอร์มาสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติม เบื้องต้น ผบช.ภ.5 เตรียมแถลงข่าวคดีนี้โดยเร็วที่สุด เบื้องต้น น.ส.พิยดา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด ไม่เคยหลอกเด็กชายวัย 14 ปี และไม่รู้จักกับผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ รวมทั้งไม่ได้จ้างให้เปิดบัญชีธนาคารด้วย ส่วนธุรกิจขายโทรศัพท์มือสอง ก็หยุดทำไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดที่ตนมีก็หามาได้จากรายได้ของการค้าขายออนไลน์ทั้งสิ้น

โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ แถลงผลการจับกุม น.ส.นฤมล อายุ 18 ปี และ น.ส.สายน้ำผึ้ง อายุ 19 ปี  อีกสองผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหลอกขายมือถือ ได้สารภาพว่า พวกเธอรับจ้างเปิดบัญชีให้กับ น.ส.พิยดา เปิดร้านค้าออนไลน์ผ่าน​อินสตาแกรมซึ่งมีผู้ติดตาม 60,000 คน​ มีพฤติกรรมชอบใช้ของแบรนด์เนมใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มาจากการฉ้อโกงผู้อื่น​ ทั้งยังเคยต้องคดีความผิดในลักษณะเดียวกัน

รองโฆษกตร. เตือนภัยมิจฉาชีพ แฝงตัวมากับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33

คิดก่อนคลิก รองโฆษกตร. เตือนภัยมิจฉาชีพ ฉวยโอกาสแอบแฝงตัวมากับการจ่าย เงินเยียวยาประกันสังคม ให้กับ ผู้ประกันตนมาตรา 33 วันที่ 27 ก.ย.64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเตือนภัยมิจฉาชีพที่อาจจะแฝงตัวมากับการโอน เงินเยียวยาประกันสังคม

จากกรณีที่รัฐบาลได้มีโครงการในการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นเงินจำนวน 2,500 บาทต่อคนต่อเดือน ครั้งที่ 2 จะเริ่มโอนเข้าบัญชีในวันที่ 27-28 ก.ย. 64 จึงอาจมีเหล่ามิจฉาชีพที่อาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด

โดยอาจจะมาในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรือการส่ง SMS ทางโทรศัพท์มือถือ หรือลิงค์ต่างๆ ที่มีลักษณะให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขบัตรเครดิต หรือให้ใส่รหัส OTP เป็นต้น เมื่อได้ใส่ข้อมูลลักษณะดังกล่าวไปแล้วเหล่ามิจฉาชีพก็อาจจะนำข้อมูลที่ได้ไปหาประโยชน์ในทางมิชอบและทำให้ได้รับความเสียหายในอนาคต จึงขอให้ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตรวจสอบสิทธิ์ของตนเองให้ชัดเจน และปฏิบัติตามขั้นตอนที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

การกระทำในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้

อย่าหลงเชื่อข้อมูลการโพสต์ หรือลิงค์ที่แนบมาพร้อมกับ SMS ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาที่ไป ห้ามเปิดลิงค์ดังกล่าวอย่างเด็ดขาดและห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ผ่านระบบออนไลน์หากยังไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หากพบข้อความที่น่าสงสัย ให้สอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนเสียก่อน

กรณีหลงเชื่อไปแล้ว ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป